สรุปบีรเฏาะวีลเป็นดินแดนของใครกันแน่?

พูดถึงกันมากที่สุด.. ยังไม่ชัดเจนว่าตกลงแล้วเป็นของประเทศใดกันแน่ เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมรับแล้ว จะต้องสูญเสียการครอบครองพื้นที่สามเหลี่ยมฮาลาอิบ โดยตามพฤตินัยถูกยอมรับว่าเป็นของประเทศอียิปต์

ทุกวันนี้พื้นที่ของโลกถูกจับจอง มีเจ้าของเขตแดนกันหมดแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการวิวัฒน์ทางอารยธรรมมาหลายหมื่นปี แต่ก็ยังมีเรื่องประหลาดอยู่ 1 ดินแดนที่เหลือว่างอยู่ด้วยพื้นที่ว่างกว่า 2,060 ตารางกิโลเมตรในทวีปแอฟริกาเหนือ อันเป็นผลพวงจากความขัดแย้งในการปันเขตแดนที่รู้จักกันในชื่อว่า บีรเฏาะวีล (Bir Tawil) ดินแดนที่ยังไม่มีใครครอบครอง และต้องการ จึงต้องมาไขปริศนากันว่าเกิดจากอะไร?

บีรเฏาะวีล (Bir Tawil) ภูมิศาสตร์ตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายรอบด้าน  และถูกทิ้งไว้ในสภาพที่ถูกกฎหมาย อันเนื่องมาจากข้อพิพาทชายแดนโดยแทบไม่มีความสำคัญระหว่างประเทศเลย อาจมีทรัพยากรทางธรรมชาติแต่น้อยมาก สภาพภูมิอากาศทะเลทรายเขตร้อน (Bwh) เวลา 3 ใน 4 ของปีเป็นฤดูร้อน ซึ่งอาจร้อนได้ถึง 45 องศาเซลเซียส เดือนที่ร้อนที่สุดตามสถิติเริ่มตั่งแต่ เดือนมิถุนายน ถึงเดือนสิงหาคม ส่วนช่วงฤดูหนาวสั้นๆ อุณหภูมิต่ำสุดโดยเฉลี่ยที่ 26 องศาเซลเซียส

ดินแดนที่โลกลืมโดยยังไม่มีใครอาศัยอยู่ในบีรเฏาะวีล (Bir Tawil) เป็นดินแดนสุดท้ายที่ไม่มีผู้อ้างสิทธิ์อย่างแท้จริง เศษเสี้ยวของดินแดนในทวีปแอฟริกาที่ปกครองโดยไม่มีรัฐ ไม่มีผู้อยู่อาศัยถาวร และยังไม่มีกฎหมายควบคุมเลย

เรื่องแปลกแต่จริง! เมื่อปี พ.ศ. 2557 ได้มีพ่อชาวอเมริกันอ้างว่าเป็นกษัตริย์แห่งดินแดนที่โลกลืมนี้ เพื่อทําให้ลูกสาวของเขา “เอมิลี่” วัย 6 ขวบเป็นเจ้าหญิง โดยพ่อแชร์บนสื่อสังคมออนไลน์ว่า “ฉันขอประกาศว่าดินแดน บีรเฏาะวีล (Bir Tawil) จะเป็นที่รู้จักตลอดไปในฐานะราชอาณาจักรซูดานเหนือ ราชอาณาจักรได้รับการสถาปนาเป็นระบอบอธิปไตยโดยมีข้าพเจ้าเป็นกษัตริย์ และลูกสาวเป็นเจ้าหญิงที่แท้จริง” ต่อมาได้มีสื่อท้องถิ่นเสนอข่าว มีการเปิดระดมทุนราว 9 ล้านบาท (250,000 ดอลล่าร์สหรัฐ) เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจัดตั้งประเทศ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นมีมเรื่องขำขันของสังคมไป และยังมีนักท่องเที่ยวหลายคนยังต้องการมาท่องเที่ยวที่นี่เพื่อประกาศความเป็นกษัตริย์ บางคนมีได้ออกแบบตราสัญลักษณ์ประกอบเพื่อมาปักธงชาติยังดินแดนที่ไม่มีใครครอบครองนี้! (ตามภาพ)

มีนักท่องเที่ยวอยู่หลายคนยินดีจ่ายตังค์มาเที่ยวเพื่ออยากจะประกาศความเป็นกษัตริย์โดยหนึ่งในนั้นมี  Jeremiah Heaton ได้ออกแบบและประดิษฐ์ธงชาติไม่เหมือนใครมาปักไว้ที่นี่ด้วย

ทริปจากนักท่องเที่ยวแชร์วิธีการเดินทางมาที่นี่ คือ ให้นั่งเครื่องบินไปลงสนามบินคาร์ทูม ประเทศซูดาน จากนั้นว่าจ้างรถท้องถิ่น หรือเช่ารถจี๊ป ขับไปตามถนนสายเชนดิ (Shendi) ข้ามไปยังเมืองอลู ฮาหมัด (Abu Hamed) ตามแผนที่ตั้งอยู่บนฝั่งด้านขวาอยู่ที่ใจกลางโค้งรูปตัวเอส (S) ของแม่น้ำไนล์ และยังเป็นนิคมที่มีอายุย้อนไปถึงอาณาจักรโบราณของเทือกเขาฮินดูกูช เมื่อถึงย่านตัวเมืองแล้วควรสอบถามจากคนท้องถิ่นเพื่อหาเส้นทางที่ชัดเจน หรือว่าจ้างคนท้องถิ่นให้พามายังจุดนี้ได้อย่างปลอดภัย

เกร็ดเล็กเล็ดน้อยน่ารู้บีรเฏาะวีล (Bir Tawil) มีความกว้างใหญ่เทียบเท่าประเทศลักเซมเบิร์ก อยู่ในอันดับที่ 167 ของโลก จุดเริ่มต้นจากในยุคล่าอาณานิคมของประเทศอังกฤษจะใช้เรือเป็นพาหนะหลัก ยังไม่มีเครื่องบิน ซึ่งประเทศอียิปต์ยังอยู่ในจักรวรรดิออตโตมันแถมยังมีจุดยุทธศาสตร์สำคัญ คือ คลองสุเอซ เพื่อย่นระยะเวลาในการเดินเรือได้ เมื่อจักรวรรดิออตโตมันล่มสลาย หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 ประเทศซูดานถูกปกครองโดยเจ้าอาณานิคมอังกฤษร่วมกับประเทศอียิปต์จนได้รับเอกราชในปี พ.ศ. 2498 แล้วปกครองภายใต้รัฐบาลทหารเรื่อยมา โดยประเทศซูดานมีปัญหาสงครามกลางเมืองหลายครั้ง ระหว่างทางตอนเหนือ ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่มีเชื้อสายอาหรับ นับถือศาสนาอิสลาม กับทางตอนใต้ที่ผู้คนส่วนใหญ่เชื้อสายแอฟริกัน และนับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งใช้ระยะเวลาปราบกษฎนานถึง 18 ปี และมีการตั้งข้อสัญญาตกลงกันในส่วนของประเทศอียิปต์จะอยู่ภายใต้การดูแลของประเทศอังกฤษ ส่วนประเทศซูดานถูกแบ่งกันคนละครึ่งโดยพฤตินัย แต่ในความเป็นจริงของทั้ง 2 ประเทศก็ตกเป็นอาณานิคมของประเทศอังกฤษอยู่ดี

หลังจากที่ ทั้ง 2 ประเทศได้รับเอกราชแล้ว ยังต้องการแก้ไขพื้นที่เส้นพรมแดนอยู่ แต่ยังตกลงกันไม่ได้จึงเลือกปกครองร่วมกันบนพื้นที่ของ สามเหลี่ยมฮาลา อิบ ด้วยขนาดของพื้นที่ใหญ่กว่า 10 เท่า และยังติดชายทะเลด้วย ซึ่งยังไม่มีใครตัดสินใจตกลงเป็นเจ้าของพื้นที่บีรเฎาะวีล หลังจากนั้น ได้มีการสำรวจทรัพยากรทางธรรมชาติแล้วพบบ่อน้ำมันจำนวนมาก จึงเกิดการกระทบกระทั่งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้ ซึ่งถ้าประเทศใดประเทศหนึ่งได้ออกตัวว่าพื้นที่บีรเฏาะวีล (Bir Tawil) เป็นของตน จะเท่ากับเสียดินแดน สามเหลี่ยมฮาลา อิบ ไปโดยสมบูรณ์ จึงเป็นข้อสรุปสั้นๆ ว่า ดินแดนนี้โลกได้ลืมไปแล้ว นั่นเอง

หมายเหตุ : ภาพและวีดีโอในบทความเรื่องนี้ มาจากฐานข้อมูลของเว็บไซต์อื่นๆ หากว่ามีการถูกลบหรือโยกย้ายจะส่งผลให้ไม่แสดงผลตามไปด้วย

เจ้าอาณานิคมอังกฤษ ต้องการขีดเส้นแบ่งพรมแดนซึ่งครั้งแรกได้ลากเป็นเส้นตรงเลย (ตามภาพ) โดยไม่ได้มองว่า คนที่อาศัยอยู่บริเวณเส้นพรมแดน มีทั้ง 2 ชนชาติอยู่ปะปนกันอยู่ จึงเกิดปัญหาขึ้น และมีการตีเส้นแบ่งเขตพรมแดนใหม่อีกครั้งตามแนวเส้นปะ โดยประเทศอียิปต์ได้พื้นที่บีรเฏาะวีล แต่ประเทศซูดานได้พื้นที่ สามเหลี่ยมฮาลาอิบ (Hala’ib Triangle)