จะต้องทำอย่างไร? เพื่อให้ได้สิทธิเข้าไปขายของกินในโรงเรียน

ต้องรู้จักกับตัวโรงเรียนเป็นอย่างดี วิธีเข้าหาคณะกรรมการ เตรียมแฟ้มประวัติมาก่อนว่าอยากขายอะไรบ้าง มีข้อมูลเบื้องต้นของสินค้า และราคา โดยแต่ละโรงเรียนจะเปิดให้มีการเปิดประมูลเช่าพื้นที่ประมาณช่วงปิดเทอมใหญ่ของทุกปี

กดติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวของโรงเรียน

ปัจจุบันโรงเรียนแต่ละแห่งก็จะมีเพจ Facebook ทำให้ง่ายในการติดต่อ และรับทราบข่าวสารอยู่แล้ว ทางที่ดีให้กดถูกใจตั้งค่าติดดาวสำหรับแฟนเพจไปเลย โดยบางโรงเรียนก็มีการทดสอบชิมเมนูอาหาร ทดสอบทำอาหาร และสอบข้อเขียนความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการด้วย ก็ไม่ต้องกังวลว่า การทดสอบข้อเขียนยากจนเกินไปหรือเปล่า? แต่เป็นการวัดความรู้พื้นฐานด้านสุขลักษณะที่ดีในการประกอบอาหารของผู้ประกอบการ  หากมั่นใจว่าเราทำดีอยู่แล้วก็ไม่ต้องกลัว ลุยโล้ด!

แนวทางการสมัครขอเช่าพื้นที่เปิดร้านค้า

1. ส่วนใหญ่ทางโรงเรียนจะมีการแจ้งให้ทราบผ่านทางช่องทาง Facebook หรือ เว็บไซต์  พร้อมทั้งจะระบุว่าต้องการประเภทไหนบ้าง เช่น ขนม/เบเกอรี่ ข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น

2. การรับสมัครจะให้ผู้ที่สนใจสมัครด้วยตัวเองที่โรงเรียน ตามวันเวลาที่กำหนด (บางโรงเรียนอาจมีการเปิดรับสมัครออนไลน์) เมื่อสมัครเรียบร้อยแล้ว จะมีการทดสอบภาคทฤษฎี และภาคปฏิบัติ

3. เมื่อผ่านการทดสอบครบเรียบร้อยแล้ว หากผ่านการคัดเลือกก็จะได้สิทธิขายของในโรงอาหาร โดยจะมีค่าใช้จ่าย คือ ค่าแรกเข้า ค่าเช่ารายปี หรือรายเทอม ตามแต่ละข้อกำหนด และเงื่อนไขของทางโรงเรียน

เงื่อนไข และกฎกติกาข้อกำหนดที่ต้องรู้

1. เมื่อมีการตกลงทำสัญญาให้สิทธิในพื้นที่นอกจากค่าเช่าแล้ว ยังมี ค่าน้ำ ค่าไฟ ซึ่งบางโรงเรียนอาจจะเรียกเก็บแค่ค่าน้ำ ส่วนค่าไฟขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประเภทสินค้า 

2. สัญญาเช่าพื้นที่โดยส่วนใหญ่ จะกำหนดไว้ 1 – 2 ปี ทั้งนี้ เพื่อควบคุมคุณภาพของสินค้า เพราะหากให้สัญญาระยะยาว พ่อค้า/แม่ค้า อาจลดคุณภาพลง ไม่รักษาระดับคุณภาพของอาหารจนถูกบอกเลิกสัญญาได้ทุกเมื่อ

3. หากทำผิดสัญญา อาจมีการยึดพื้นที่คืน และยกเลิกสัญญา เช่น บางคนฉลาดแกมโกงเปิดให้คนอื่นมาเช่าช่วงต่อ หรือมีการลักลอบขายสินค้าผิดกฏหมาย เป็นต้น

ข้อเสียของการขายของในโรงเรียน

1. การกำหนดราคาขาย ส่วนใหญ่ราคาสินค้าไม่ควรแพงเท่าราคาตลาดข้างนอก มีการกำหนดราคาขายสำหรับนักเรียนไว้  ซึ่งหมายความว่าเราจะขายเกินช่วงราคาเรทนี้ไปไม่ได้ และหากวัตถุดิบบางอย่างต้นทุนมาแพง ก็ไม่สามารถเพิ่มราคาได้

2. การวัดผลประจำปี อยู่ที่ความพึงพอใจของนักเรียนที่เป็นตัวกดดันอยู่เสมอ จึงต้องรักษามาตรฐานฝีมือไว้ตลอดเวลา

3. ร้านใหม่ๆ พร้อมเสียบอยู่เสมอ หากเราไม่รักษาคุณภาพของอาหาร และการบริการ ทางคณะกรรมการโรงเรียนก็พร้อมที่จะหาคนใหม่มาแทนคุณ

4. ขาดรายได้ช่วงปิดเทอม จริงอยู่ที่สามารถขายได้กำไรดีในช่วงการเปิดเรียน แต่ในช่วงวันหยุดยาว หรือปิดเทอม ก็ทำให้ขาดรายได้ ดังนั้น ในช่วงปิดเทอมอาจจะต้องหารายได้เสริมจากทางอื่นด้วย

และทั้งหมดที่นี้ ก็เป็นข้อมูลจากประสบการณ์จริงของ พ่อค้า/แม่ค้า ที่ขายอาหารอยู่ในโรงเรียน ทำเลทองที่ใครๆ ก็ปรารถนาจะได้เข้าไปลองดูสักครั้ง หากมั่นใจในฝีมือก็อย่ารอช้า รีบเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อเปิดรับสมัครจะได้ทันท่วงที

ขอบคุณภาพประกอบจาก : กลุ่มผู้เช่าร้านในโรงเรียน